Why Women Love

รีวิวซีรีส์เรื่อง “บทเรียนรักฉบับนายเพลย์บอย (Why Women Love)” ซีรีส์เรื่องนี้กำลังมาแรงมากเพราะนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความรักต่างวัยของสาวบ้างานอายุ 30 และชายหนุ่มสุดหล่อผู้รักความเร็วอายุ 22 ปี ซีรีส์ถือว่าตอบโจทย์สาว ๆ ในยุคนี้มากค่ะ เพราะเราเป็นสาวยุคใหม่ที่รักงานและไม่วุ่นวายกับความรัก จนอายุกำลังจะขึ้นเลข 3 และเลข 4 ไปแล้วแต่ยังไม่มีความรักสักที ดังนั้นหากคุณกำลังประสบกับปัญหานี้ แนะนำให้ดูซีรีส์เลยค่ะ รับรองว่าตอบโจทย์คุณได้ดีแน่ ๆ ตอนนี้ถ้าพร้อมแล้วเราตามไปดูกันค่ะว่าซีรีส์เรื่องนี้มีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง บทเรียนรักฉบับนายเพลย์บอย (Why Women Love) บอกเล่าเรื่องราวของจ้าวเจียงเยว่ (จินเฉิน) หญิงสาวอายุ 30 ปีที่มากความสามารถ เธอเป็นหัวหน้าพัฒนาแอปพลิเคชันเลิฟโน้ต (Love Notes) ประจำบริษัทลิงก์เทคโนโลยี จ้าวเจียงเยว่เป็นคนที่เด็ดขาดในเรื่องของการทำงาน เจ้าของบริษัทเลยอยากส่งลูกชายตัวเองอย่างกู้เจียซิน (หวังจื่ออี้) มาฝึกประสบการณ์การทำงานกับเธอเพื่อที่เขาจะได้รับช่วงต่อบริหารบริษัทต่อไป วันหนึ่งจ้าวเจียงเยว่ได้จัดกิจกรรมไลฟ์สดที่บริษัทเพื่อเปิดตัวแอปหาคู่เลิฟโน้ต (Love Notes) ในระหว่างนั้นเธอได้เชิญเฉียนจิงจิง (หวังซวง) เพื่อนรักของเธอที่เป็นบล็อกเกอร์ด้านความรักมาร่วมโปรโมตแอปด้วย แต่ในระหว่างนั้นก็ได้มีคอมเมนต์ประหลาดมาสบประมาทจ้าวเจียงเยว่ว่าเธอเป็นผู้พัฒนาแอปแท้ ๆ แต่อายุอ่านต่อ

Our Beloved Summer

สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูกับเขาเลยสักตอนเดียว แล้วจะคิดว่าเรื่องนี้เป็นซีรีส์วัยใส ฟิน ยิ้ม กันเพียว ๆ ก็ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ เพราะซีรีส์เรื่องนี้ครบรสมากกว่านั้น สิ่งที่คุณจะได้รับคือความฟินและอารมณ์ขัน อันนี้เป็นของแท้แน่นอน แต่จะได้ของแถมที่ขาดไม่ได้คือดราม่าประเด็นครอบครัว เพื่อน ที่ซีรีส์นำเสนอได้อย่างเข้าถึงเอามาก ๆ เรื่องมันก็เริ่มต้นขึ้นมาจาก ‘กุกยอนซู’ (คิมดามี) นักเรียนอันดับ 1 ของโรงเรียนต้องมารับหน้าที่เป็นตัวแสดงในสารคดีคู่กับ ‘ชเวอุง’ (ชเวอูชิก) นักเรียนอันดับ 267 ของโรงเรียน ก็เรียกว่าเป็นแคมเปญของรายการที่จับเด็กท็อปหัวกะทิกับว่าเด็กบ๊วยสุดทึ่มมาทำคอนเทนต์นั่นแหละค่ะ ทั้งคู่ต้องนั่งเรียนข้างกันเป็นเวลา 1 เดือน เป็นคู่หูที่ไม่ค่อยอยากจะคู่กันสักเท่าไหร่ รายการก็จะถ่ายทำเป็นสารคดีตามติดชีวิตนักเรียน ม.ปลาย ที่ต่างกันสุดขั้วมาอยู่ด้วยกันจะเป็นยังไงนะ แล้วด้วยความต่างของทั้งคู่ก็ทำให้กัดกันอยู่เป็นประจำ แต่ยิ่งกัดก็เหมือนยิ่งใกล้ชิด จนทั้งคู่รักกันซะงั้นน่ะ แถมยังคบกันนานถึง 5 ปี แต่อยู่ ๆ กุกยอนซูก็ขอเลิกโดยที่ชเวอุงพระเอกแสนบื้อของเราไม่เข้าใจเอาซะเลย ขอเลิกกับฉันเพราะอะไรเนี่ย ก็ทั้งโกรธทั้งเสียใจจนกลายเป็นแค้นฝังหุ่น “อย่ามาเจอหน้ากันอีกนะ ถ้าเจออีกละก็จะฉีดน้ำโรยเกลือใส่เลย คอยดู” ฝ่ายพระเอกของเราฮีก็แค้นประมาณนี้ ด้วยความที่ฮีไม่รู้เหตุผลของฝ่ายหญิง คือทึ่มจนไม่รู้ว่าแฟนต้องการอะไรอ่ะแหละอ่านต่อ

รีวิว Mr. Queen

เราจะเห็นซีรีส์ย้อนยุคเกาหลี ที่นางเอกบ้าง พระเอกบ้างวาร์ปไปยุคโชซอนกันมาก็หลายเรื่องแล้ว เรื่องนี้ก็วาร์ปเหมือนกันจ้ะ แต่จะเรียกว่านางเอกหรือพระเอกดี เพราะเป็นการย้อนยุคแบบสลับร่าง ที่เชฟหนุ่มสมัยปัจจุบันดันวาร์ปไปเข้าร่างมเหสีสมัยโชซอน วิญญาณเป็นหนุ่มเพลย์บอยแต่กายเป็นหญิงสูงศักดิ์ เป็นงงไปหมดแล้วว บงฮวาน (ชเวจินฮยอก) ทำงานเป็นเชฟอยู่ที่ทำเนียบของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เป็นเชฟที่มีพรสวรรค์สามารถบอกสภาพร่างกายและสภาพจิตใจของคนอื่นได้ จากการสังเกตว่าเลือกอะไรเป็นเครื่องเคียง หรือเลือกกินอาหารประเภทไหน มีความเป็นเพลย์บอย แต่วันหนึ่งเกิดข้อผิดพลาดจนได้รับอุบัติเหตุตกลงไปในสระน้ำ แล้ววาร์ปมาอยู่ในร่างของ คิมโซยง (ชินฮเยซอน) ว่าที่มเหสีในยุคโชซอน ที่กำลังจะเข้าพิธีอภิเษกสมรส พระเจ้า ชอลจง (คิมจองฮยอน) ราชาหุ่นเชิดที่ภายนอกอ่อนโยนและเข้ากับคนง่าย แต่ในความเป็นจริงกลับแข็งแกร่งและแอบกระทำการบางอย่างลับ ๆ เพราะ พระนาง ซุนวอน (แบจองอ๊ก) อดีตพระมเหสีของกษัตริย์ซุนโจ เป็นผู้กุมอำนาจในขณะนั้น โดยมี คิมจวากึน (คิมแทอู) น้องชายของพระนางซุนวอน เป็นผู้ทรงอิทธิพลและคอยช่วยเหลือกันอยู่เพื่ออำนาจหลังราชบัลลังก์ หนำซ้ำพระเจ้าชอลจงยังมีรักแรกพบอยู่กับ พระสนมโจฮวาจิน (ซอลอินอา) อีกด้วย เรื่องวุ่นวายก็เกิดขึ้นหลังจากนี้จ้ะ เรื่องนี้อดไม่ได้ที่จะขอปรบมือดัง ๆ ให้กับ ชินฮเยซอน ที่สวมบทบาทเป็นชายในร่างหญิงได้อย่างเยี่ยมยอดมาก ๆอ่านต่อ

รีวิว Vincenzo วินเชนโซ่

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าซีรีส์ Vincenzo – วินเชนโซ่ ทนายมาเฟีย เป็นอีกเรื่องที่หลายคนตั้งหน้าตั้งตารอมากที่สุด เพราะเปิดตัวด้วยเรตติ้งแรงถึง 7.659% ต้อนรับการกลับมาของ ซงจุงกิ ทวงบัลลังก์สามีแห่งชาติได้อย่างสมศักดิ์ศรี และหลังจากออกอากาศตอนแรกทาง Netflix ไปเมื่อคืนที่ผ่านมา ซีรีส์เรื่องนี้ได้ถูกพูดถึงกันอย่างหนาหู ไม่เพียงแต่ความหล่อกระชากใจของนักแสดงนำ แต่พล็อตเรื่องยังทำให้คนดูถึงกับสลับสับเปลี่ยนอารมณ์แทบไม่ทัน เรียกว่าครบทั้งแอคชั่นและคอมเมดี้ที่จัดเต็มเอาไว้ในเรื่องเดียว ซีรีส์ Vincenzo ว่าด้วยเรื่องราวของ วินเชนโซ่ คัสซาโน (รับบทโดย ซงจุงกิ) ทนายความชาวเกาหลีที่ไปใช้ชีวิตอยู่กับแก๊งมาเฟียที่ประเทศอิตาลี ด้วยสาเหตุบางอย่างทำให้เขาต้องกลับมายังบ้านเกิดเพื่อสะสางเรื่องราวในอดีต จนกระทั่งพบกับ ฮงชายอง (รับบทโดย จอนยอบิน)ทนายความสาวฝีปากกล้าที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ลูกความของตัวเองชนะคดี ทั้งสองได้ร่วมมือกันเพื่อจัดการกับเหล่าคนชั่ว กอบกู้ความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม แม้จะต้องใช้วิธีเด็ดขาดที่ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม เชื่อว่าหลายคนคงคิดเช่นเดียวกัน ตั้งแต่ได้เห็นใบปิดและตัวอย่างอย่างเป็นทางการ หรือแม้กระทั่งช่วงต้นของตอนแรกที่ออนแอร์ผ่านไป เปิดตัวพระเอกมาแบบโคตรคูล หล่อเนี้ยบทุกองศา แถมยังเป็นทนายที่ปรึกษาให้กับแก๊งมาเฟีย บุกไปถึงรังของคู่อริเพื่อเผาไร่องุ่นพื้นที่หลายร้อยเอเคอร์เป็นการแก้แค้นเท่านั้นไม่พอ ยังถูกตามฆ่าจนยิงกันสนั่นหวั่นไหว หลอกล่อคนดูให้คิดว่าซีรีส์จะมาแนวแอคชั่นเดือดเลือดสาด บู๊ล้างผลาญแบบ Vagabond แต่พอทนายหนุ่มวินเชนโซ่กลับเกาหลีเท่านั้นแหละ ความฮาจึงบังเกิด ตัวละครที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีมาสร้างสีสันกันแบบจัดเต็ม การกลับมาเกาหลีของ วินเชนโซ่อ่านต่อ

รีวิว Seoul Vibe (2022)

ถึงคิวของหนังแอคชั่นฟอร์มใหญ่แห่งปีอีกเรื่องของเกาหลีในปีนี้ ที่ถือว่าแค่ฟอร์มทีมแคสติ้งนักแสดงออกมานั้น ก็ดึงดูดความสนใจได้อยู่ไม่น้อย เพราะนี่คือ “Seoul Vibe ซิ่งทะลุโซล” ที่ถือว่าเป็นการผสมผสานหนังอาชญากรรมแนวถนัดของเกาหลี ผนวกเข้ากับการประลองความเร็วสไตล์หนังตระกูลฟาสต์ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานั้น..จะออกมาเป็นหนังฟาสต์ฉบับโคเรียนได้หรือเปล่า เป็นหนังที่สร้างมาเพียงลงจอสตรีมมิ่ง แต่ต้องยอมรับเลยว่างานสร้างไม่ใช่เล่น ๆ เพราะเห็นได้ชัดเลยว่าหนังได้ทุนสร้างจำนวนไม่น้อยเลย โดยหนังได้ “มุนฮยอนซอง” ผู้กำกับหนุ่มที่เคยแจ้งมาจากหนังดัง As One เมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้โดดเด่นสักที การได้ก้าวขึ้นมาหยิบจับทำหนังสเกลที่ใหญ่ ๆ ขนาดนี้ ก็ถือว่าทำได้น่าพอใจตามมาตรฐาน ที่น่าเสียดายหน่อย ๆ ตรงที่หลายองค์ประกอบยังดูธรรมดาและไม่ได้โดดเด่นสักเท่าไหร่ ขณะที่คนอื่น ๆ อย่าง “โกคยองพโย“อีกยูฮยอง“พัคจูฮยอน และ องซองอู” ก็ถือว่าเข้าขากับทีมนักแสดงด้วยกันได้ดี แต่ละคาแรกเตอร์ที่เอกลักษณ์เฉพาะตัวและมาสร้างสีสันให้กับหนังเรื่องนี้ได้อีกระดับ ถึงแม้ว่าแต่ละคนจะไม่ได้สร้างความโดดเด่นเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่สร้างความดีงามให้กับหนังเรื่องนี้แล้ว Seoul Vibe เป็นหนังขาซิ่งร่อนกรุงโซลจากเกาหลีใต้ ที่อาจจะยังไม่ได้ซิ่งฉลุยขนาดนั้น บทหนังยังค่อนข้างอ่อน การเล่าเรื่องยังขาดเสน่ห์ในแบบที่หนังเกาหลีน่าจะทำได้ยิ่งกว่านี้ แต่กระนั้นทีมแคสติ้งนักแสดงของเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นแม่เหล็กและไฮไลต์ของเรื่องนี้ ที่ช่วยทำให้ภาพรวมของหนังสามารถประคับประคองไปตลอดทางได้อยู่ ฉากซิ่งและเชือดเฉือนต่าง ๆอ่านต่อ