พรหมลิขิต

เรียกได้ว่าเป็นกระแสความนิยมอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาละคร มีม และเป็นที่พูดถึงกันเยอะทุกตอนที่ปล่อยออกมาเลยด้วย สำหรับละครเรื่องใหม่จากช่อง 3 ภาคต่อจากเรื่องราวละครรักโรแมนติกอิงประวัติศาสตร์ของ “บุพเพสันนิวาส (Love Destiny)” ที่มาในชื่อ “พรหมลิขิต (Love Destiny 2)“ ดัดแปลงจากบทประพันธ์ของ รอมแพง กำกับโดย สรัสวดี วงศ์สมเพ็ชร เช่นเดียวกับบุพเพสันนิวาสในภาคแรกที่ได้รับกระแสโด่งดังไปทั่วโลก ชุดไทยหาใส่กันจ้าละหวั่น กลับมาในภาคนี้”รักหนึ่งเกิดเพราะบุพเพสันนิวาส อีกรักหนึ่งกำลังจะเกิด เพราะ พรหมลิขิต” ความสนุกของพรหมลิขิต Love Destiny 2 จะเป็นอย่างไรมารับชมกัน เรื่องย่อ : พรหมลิขิตLove Destiny 2 เรื่องราวต่อจากภาคแรก สมัยอยุธยา หลังสิ้นพระนารายณ์ สมเด็จพระเพทราชาขึ้นครองราชย์ เรือนของ พ่อเดช หมื่นสุนทรเทวา หรือยศตอนนี้คือ ออกญาวิสูตรสาคร (รับบทโดย ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ) ยังคงสงบสุข คุณหญิงการะเกดอ่านต่อ

เพื่อน(ไม่)สนิท

ขึ้นว่าเป็นผลงานจากค่ายหนังอารมณ์ดี จีดีเอช หลาย ๆ คนน่าจะถูกซื้อใจมาตั้งแต่ใบปิดและตัวอย่างหนังที่ปล่อยออกมา เรียกได้ว่าหน้าของหนังแทบจะทำให้ตัดสินใจได้ไม่ยากที่จะตีตั๋วหรือไม่ เช่นเดียวกับ “เพื่อน(ไม่)สนิท Not Friends” หนังตลกดรามาคลุกเคล้ามิตรภาพเรื่องล่าสุดจากค่ายนี้ ก็สรรค์สร้างผลงานออกมาบนระดับบาร์ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ นับว่าเป็นหนึ่งในโจทย์เหมือนจะง่าย แต่ค่อนข้างท้าทายไม่น้อยเลย เรื่องย่อ : “เพื่อน(ไม่)สนิท Not Friends” เพื่อน(ไม่)สนิท เป็นเรื่องราวของ เป้ ที่ต้องย้ายมาเรียนที่โรงเรียนใหม่ช่วงกลางเทอมชั้น ม.6 ที่ชีวิตวัยมัธยมของเขากำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว ก่อนจะได้มาพบกับ โจ เพื่อน..ที่อยากจะเป็นเพื่อนใหม่ของเขา แต่เขาไม่ให้เป็น กระทั่งอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดทำให้โจต้องจากไปอย่างกะทันหัน ทำให้เป้เกิดแรงบันดาลใจที่จะทำหนังสั้นขึ้นมา เพื่อระลึกถึงโจ เพื่อนที่ใคร ๆ ก็สนิทและยังคิดถึงกันทั้งโรงเรียน ยกเว้นเพียงแต่..เป้ที่ยังไม่ได้เป็นแม้แต่เพื่อนโจเลยด้วยซ้ำ รีวิว : “เพื่อน(ไม่)สนิท Not Friends” โครงการเรื่องราวของหนังแทบจะไม่มีอะไรมากนัก เน้นเล่าถึงช่วงชีวิตหนึ่งในเด็กชั้น ม.6 ที่มีบททดสอบด้านมิตรภาพและความเป็นอยู่เข้ามา ซ้ำยังต้องเผชิญหน้ากับจุดเปลี่ยนก้าวสำคัญในชีวิตพวกเขากับการไปสู่รั้วมหาวิทยาลัย แต่ตัวหนังก็ทำได้แค่เล่าออกมาได้เหมือนจะกระแทกใจ แต่เมื่อมองดูดี ๆอ่านต่อ

ธี่หยด

เรื่องย่อ : “ธี่หยด” หนังได้พาเราย้อนกลับไปประมาณปี พ.ศ. 2515 ในจังหวัดกาญจนบุรี ได้เห็นชีวิตที่อยู่กับธรรมชาติ ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร ท้องทุ่งนา และหมู่บ้านชนบทที่ห่างไกลความเจริญ โดยเรื่องราวสยองขวัญได้เกิดขึ้นกับครอบครัวหนึ่ง ที่อยู่อาศัยด้วยกันมีพ่อ แม่ ลูกชายสามคน และลูกสาวสามคน โดยลูกชายคนโตชื่อยักษ์ เพิ่งกลับมาจากการปลดประจำการพอดี ส่วนคนที่โชคร้ายคนนั้นก็คือ แย้ม น้องสาวคนที่สองของบ้าน เธอได้พบกับหญิงสาวชุดดำระหว่างกลับจากโรงเรียน และเรื่องน่ากลัวก็เริ่มเกิดขึ้นทุกค่ำคืน โดยเฉพาะเสียงสยองขวัญสั่นประสาทที่ดังว่า “ธี่หยด” จึงเป็นหน้าที่ของยักษ์ที่จะหาต้นตอของเสียงและช่วยน้องกลับมาบ้านอย่างปลอดภัย ส่วนตัวชอบการเล่าเรื่องที่ไม่ได้ต่างจากต้นเรื่องจริง ยังคงเก็บสาระสำคัญไว้ได้ครบถ้วน อาจมีรายละเอียดบางอย่างที่แต่งต่างออกไป เป็นความต่างที่ดี ไม่แย่ ช่วยเพิ่มเรื่องราวให้สนุกมากยิ่งขึ้น ผีมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น ชอบเล่นกับจิตใจมนุษย์ หากคนชอบความหลอนขีดสุด อาจจะไม่ตอบโจทย์ แต่ผู้เขียนคิดว่าชอบแบบนี้มากกว่า มันดูมีเหตุผล เหมือนใช้ตรรกะของมนุษย์เป็นที่ตั้ง มันจึงน่ากลัว ดูไม่มีทางสู้ แต่ก็อยากจะสู้นะ เพราะไม่มีใครอยากให้คนที่ตัวเองรักต้องตายหรอก แต่สิ่งสำคัญคือเราไม่แน่ชัดว่ากำลังสู้อยู่กับอะไรกันแน่ รีวิว : “ธี่หยด” เป็นการกลับมาทำหนังอีกครั้งในรอบหลายปีของ “คุ้ย-ทวีวัฒน์ วันทา”อ่านต่อ

9 ศาสตรา

เรื่องย่อ : 9 ศาสตรา เรื่องราวการผจญภัยของเด็กหนุ่ม(อ๊อด) ผู้มีชะตาชีวิตที่ถูกลิขิตมาให้กอบกู้อาณาจักรรามเทพนคร จากอำนาจทมิฬของเหล่ายักษา เป็นการผสมผสานเนื้อหาแฟนตาซีกับศิลปวัฒนธรรมการต่อสู้รูปแบบมวยไทย อ๊อดเด็กหนุ่มที่ต้องสูญเสียพ่อและแม่ไปจากรุกรานของพวกยักษา จมื่นพันธ์วรเดชจึงพาตัวอ๊อดมาเลี้ยงดูที่หมู่บ้านนกแอ่นโดยที่อ๊อดคิดว่าจมื่นพันธ์วรเดชเป็นพ่อที่แท้จริงและที่นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นวิชาศิลปการต่อสู้ของอ๊อด เขาได้ร่ำเรียนวิชามวยไทยจากเฒ่าใบ้ และฝึกฝนสมาธิจากหลวงพ่อสิน จนมีวิถีชีวิตต่างจากเด็กทั่วไป จนวันหนึ่งอ๊อดได้รู้ความจริงว่าจมื่นพันธ์วรเดชไม่ใช่พ่อแท้ๆของตนและได้รู้ถึงหน้าที่ที่ตอนต้องแบกรับเขาจึงตั้งใจพัฒนาตัวเองทั้งทางร่างกายและจิตใจเพื่อรับหน้าที่แทนจมื่นพันธ์ ในการนำศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์ไปมอบแก่องค์ชายรัชทายาท แต่เรื่องราวก็ไม่ได้ง่ายแบบนั้น การเดินทางของอ๊อดต้องพบกับการสูญเสียมากมายแต่ยังดีที่มีสหายร่วมเดินทางนั่นก็คือ เสี่ยวหลาน,วาตะและอสูรสีชาด อ๊อดจะสามารถทำภารกิจที่ได้รับมาได้สำเร็จหรือไม่ รีวิว : 9 ศาสตรา พล็อตเรื่องของ ๙ ศาสตรา นั้นเราอาจจะกล่าวได้ว่ามันเป็นพล็อตประเภทสูตรสำเร็จในตระกูล “การเดินทางของฮีโร่” ที่ว่าด้วยแพทเทิร์นการเล่าเรื่องแบบ ตัวละครเอกไม่มีความสามารถพิเศษใดๆ แต่เขาพยายามค้นหาที่มีของตัวเอง ผ่านการเรียนรู้ฝึกฝนวิทยายุทธ์จากปรมาจารย์ในการต่อสู้ ในเวลาต่อมาเขาต้องออกเดินทางเพื่อไปทำภารกิจบางอย่างให้ลุล่วง ระหว่างเดินทางเขาได้พบกับมิตรสหายใหม่ๆ ตัวเอกได้เรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิต การต่อสู้ เข้าเติบโตขึ้นความคิดความอ่านที่ได้ร่ำเรียนมาถูกใช้ ตัวเอกต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมากมาย และในที่สุดเขาก็จะสามารถทำภารกิจลุล่วงและกลายเป็นวีรบุรุษในที่สุด โครงเรื่องอันเป็นสากลเช่นนี้ จึงสามารถเป็น “สูตร” ที่สามารถเข้าถึงคนทุกชาติได้โดยไม่จำเป็นว่า คนดูต้องเป็นคนไทย แต่การที่หนังหยิบเอามวยไทย และเล่าเรื่องในรูปแบบดินแดนแฟนตาซี “วัฒนธรรม” ที่ปรากฏอยู่ในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิตของตัวละคร จึงเหมือนเป็นดินแดนแฟนตาซีอ่านต่อ

ครุฑ มหายุทธ หิมพานต์

เมื่อมหาสงครามระหว่างเผ่าพันธ์ุ ครุฑ ผู้กล้าและยักษ์ รากษส สุดทมิฬแผ่ขยายไปทั่วทุกอาณาจักร ทหารครุฑสุดท้ายทั้ง 9 ตน ได้ผูกมิตรกับเหล่านักรบผู้เกรียงไกรแห่งหิมพานต์เพื่อการรบแย่งชิงดินแดนแห่งอโยธยา จากเงื้อมมือของเหล่ากองทัพรากษสอันโหดร้ายที่หวังจะบดขยี้ อาณาจักรครุฑให้ลุกเป็นไฟ ครุฑ มหายุทธ์ หิมพานต์ เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ใช้เวลาสร้างถึง 4 ปี โดย คณะดิจิทัลอาร์ต วิทยาลัยดนตรี และวิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต จะว่าเป็นงานโชว์พลังและศักยภาพของสายการศึกษาก็ว่าได้ แม้เราเคยชมงานกราฟิกและเกมจากศิษย์ของสถาบันนี้มาบ้างแล้ว แต่กับงานแอนิเมชั่นขึ้นจอเงินความยาวกว่า 90 นาทีนี่ ถือเป็นก้าวที่ห้าวหาญมาก ๆ เรื่องย่อ : ครุฑ มหายุทธ หิมพานต์ เรื่องราวก่อนมนุษย์ครองพิภพ ณ อาณาจักรอโยธาที่ “พญาวัชรครุฑ” เป็นทหารเอกคอยปกป้องเมืองอยู่ถูกพวกรากษสเผ่าพันธุ์ชั่วร้ายที่ปกครองโดย “อสูรทมิฬ” ต้องการจะยึดดินแดนทั้งหมด จึงทำให้พญาวัชรครุฑต้องขอความช่วยเหลือจากเหล่าสัตว์จากป่าหิมพานต์ จึงเกิดเป็นการร่วมมือต่อสู้ระหว่างเผ่าพันธุ์ของสัตว์ในป่าหิมพานต์และครุฑเพื่อแย่งชิงอาณาจักรอโยธยาจากพวกรากษส เเละเป็นธรรมดาของสงครามที่ต้องมีการสูญเสีย พญาวัชรครุฑจะสามารถกอบกูเมืองอโยธยาได้หรือไม่นั้น ต้องติดต่อต่อใน “ครุฑ มหายุทธ หิมพานต์ รีวิวอ่านต่อ

คนขับรถ

เรื่องย่อ : Driver – คนขับรถ เล่าเรื่องราวของ เกด (ศิตา ชุติภาวรกานต์) ผู้หญิงสวยและแสนดีคนหนึ่งที่ เต้ (ภูริ หิรัญพฤกษ์) สามีของเธอหายตัวไปแบบติดต่อไม่ได้หลังจากทริปดูงานที่เกาหลี เกดร้อนใจจึงปรึกษาตั้ม (ปฏิพล นาคะประเสริฐกุล) เพื่อนที่เป็นตำรวจให้ช่วยสืบดูแต่ตั้มคิดว่าเต้คงไปเถลไถลที่ไหนต่อตามประสาผู้ชายจึงให้เกดรอดูอีกสองสามวัน เกดรอไม่ไหวจึงขอให้ แมค (ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย) คนขับรถของเต้พาเธอไปสืบดูที่ออฟฟิศจนเจอบิลค่าไฟบ้านหลังที่เธอไม่เคยรู้จัก เกดขอให้แมคขับรถพาเธอไปตามหาบ้านหลังนั้นหวังว่าจะเจอสามีสุดที่รัก แต่สิ่งที่เธอค้นพบกลับเป็นเบาะแสสู่ความลับที่เจ็บปวดที่ทำให้เธอไม่สามารถไว้ใจใครได้อีกตลอดไป รีวิว : Driver – คนขับรถ ในความเป็นหนังทริลเลอร์ที่มีกลิ่นของความเป็นหนังสืบสวนสอบสวน จุดเด่นที่สุดของหนังคือ การออกแบบคาแรคเตอร์ตัวละครตั้งต้นได้อย่างลึกลับ มีมิติปิดซ่อนที่น่าค้นหา รวมไปถึงการออกแบบองค์ประกอบศิลป์ที่คิดมาอย่างดี ทว่าจุดที่ชี้ขาดว่าหนังประเภทนี้จะเกิดหรือดับ เป็นอะไรที่มากไปกว่าองค์ประกอบรองเหล่านั้น แต่คือความแพรวพราวแยบยลในการเปิดเผยและปกปิดข้อมูล เล่นกับจังหวะการเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิง ซึ่งคนขับรถดูจะยังไม่สามารถผลักดันศักยภาพของตัวหนังเองไปให้ถึงระดับนั้นได้ หนังมีช็อตเซอร์ไพรส์ “หักมุม” ซึ่งอาจเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงพอสมควรสำหรับคนดูบางกลุ่ม และอาจถึงขั้นกล่าวหาว่าหน้าหนัง “หลอกคนดู” ได้เลย แต่หากใครเป็นแฟนหนัง หรือรู้จักงานของผู้กำกับ ฐิติพันธ์อ่านต่อ

มนต์รักนักพา

เรียกว่าทำเอาหลายคนประทับใจเป็นอย่างมาก สำหรับภาพยนตร์เรื่องใหม่อย่าง “มนต์รักนักพากย์ (Once Upon A Star)” ที่ฉายวันที่ 11 ตุลาคม2566 ซึ่งเป็นภาพยนตร์ยุค ‘60s ที่รับชมทาง Netflix บอกเล่าเรื่องราวของอาชีพของนักพากย์รถฉายหนังขายยาที่ปัจจุบันนี้เลือนหายไปตามกาลเวลาแล้ว อีกทั้งนอกจากพล็อตจะน่าสนใจแล้วนั้น ยังได้นักแสดงมากฝีมืออย่างหนุ่มเวียร์ ศุกลวัฒน์ และหนูนา-หนึ่งธิดา มาประกบคู่กันอีกด้วย เรื่องย่อ : “มนต์รักนักพากย์ Once Upon A Star “ เรื่องรางของหน่วยเร่ขายยาหน่วยที่ 18 ของบริษัทขายยาโอสถเทพยดา ประกอบไปด้วย มานิตย์ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะและยังเป็นคนที่มีหน้าที่พากย์ทั้งเสียงของทั้งผู้หญิงและผู้ชาย , เก่า และลุงหมาน ที่มีการนำรถฉายหนังขายยามาเรียกลูกค้า โดยพวกเขานั้นต้องต่อสู้และดิ้นรนให้ยอดขายอยู่ในเกณฑ์ดีอยู่เสมอ ทำให้ได้คิดหาวิธีต่าง ๆ นา ๆ และได้วิธีที่ตกลงกันคือ การจ้างพนักงานผู้หญิงมาพากย์เสียงของผู้หญิงจริง ๆ จัง ๆ แม้ว่าจะผิดกฎของบริษัท แต่พวกเขาจำเป็นต้องทำเพื่อความอยู่รอดอ่านต่อ

สัปเหร่อ

เรื่องย่อ : สัปเหร่อ หนังที่เล่าเรื่องราวของ เจิด เด็กหนุ่มที่เพิ่งเรียนจบกฎหมายตั้งใจจะมาอ่านหนังสือเพื่อไปเตรียมสอบต่อที่บ้าน แต่เพราะพ่อที่เป็นสัปเหร่อมีอาการป่วย เขาจึงตัดสินใจที่จะช่วยพ่อทำงานทั้งที่ตัวเองกลัวผีมากๆ โดยมี เซียง ชายหนุ่มที่อกหักเพราะหลงรัก ใบข้าว จนต้องออกบวช แต่สุดท้ายความเจ็บปวดของเซียงก็เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อใบข้าวตาย เซียงพยายามหาทุกวิธีที่จะสื่อสารกับวิญญาณใบข้าว ยอมแม้กระทั่งการไปช่วยเจิดในการเป็นผู้ช่วยสัปเหร่อเพื่อแลกกับการให้พ่อของเจิดสอนถอดจิต ซึ่งคนเป็นจะสามารถถอดจิตเพื่อไปพบกับคนตายได้หรือไม่ เจิดได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการเป็นสัปเหร่อ รีวิว : สัปเหร่อ สัปเหร่อ เน้นไปในการเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองวิถีประเพณีชาวอีสานกับการทำอาชีพสัปเหร่อ และความเชื่อต่างๆ ที่ถูกตั้งคำถามโดย เจิด และการพิสูจน์ความเชื่อผ่าน เซียง เนื้อเรื่องเหมือนแบ่งเป็นสองเส้นโดยมีจุดร่วมกันคือความเชื่อ ซึ่งส่วนตัวมองว่าไม่แปลกถ้าบางคนอาจจะไม่อินกับเรื่องราวเหล่านี้ เพราะการเล่าอาจจะไม่ได้สุดโต่งในทุกด้าน แต่สำหรับใครที่เคยมีประสบการณ์ร่วมหรือเคยผ่านเหตุการณ์คล้ายๆ กับที่ตัวละครในเรื่องก็จะช่วยบิ้วให้อินกับเนื้อเรื่องได้มากขึ้น อีกด้านหนังมีเส้นเรื่องรองเป็นเรื่องราวของ เซียง ที่เกิดคำถามว่าแฟนเก่าอย่าง ใบข้าว ที่เสียชีวิตไปตั้งแต่ภาคก่อนหน้า อาจยังมีอาลัยอาวรณ์บางอย่างต้องการบอกกับเขา ทำให้เซียงออกตามหาวิธีสื่อสารกับวิญญาณใบข้าว จนได้คำแนะนำจากสัปเหร่อศักดิ์แลกเปลี่ยนกับที่เซียงต้องคอยช่วยเจิดทำหน้าที่สัปเหร่อให้ลุล่วงช่วงการค้นหาวิธีเข้าสู่โลกหลังความตายนี้มีความน่าสนใจในการนำเสนอภพภูมิต่าง ๆ อยู่ มันเป็นการใช้ไอเดียที่บ้าน ๆ มาก อย่างเอาเก้าอี้ไปผูกให้เหมือนลอยอยู่กลางอากาศ หรือบางทีก็ใช้การจัดแสงแบบพวกงานอินสตอลเลชันอาร์ต ในแบบที่มองแง่งานสร้างแล้วไม่ได้ยากเลย แต่มันทำได้น่าสนใจมากอ่านต่อ

กุมาร

‘ กุมาร’ ความสยองขวัญที่ไม่มีใครรู้ว่าฆาตกรเป็น คน ผี หรือ กุมาร กันแน่ มาดูหนังไทยที่หยิบเอาตำนานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่กับสังคมไทยและรู้จักกันแทบจะทุกคน กับน้องที่ชื่อว่า “กุมาร” หยิบนำมาสร้างและใส่ความสยองขวัญแบบหนังไทย ที่อัดแน่นไปด้วยทีมนักแสดงที่สามารถกระตุ้นต่อมความสนใจของเราได้ไม่น้อย แม้ว่าจะเป็นผลงานจากค่ายเล็ก ๆ ที่อาจทำให้บางคนแอบหวั่นใจอยู่บ้าง แต่มาลองพิสูจน์กันสักหน่อยว่า…ความเฮี้ยนของน้องจะทรงพลังแค่ไหน เรื่องย่อ : กุมาร Kumarn “กิ่ง” ที่พาลูกชายไปพักร้อนที่บ้านกลางป่า มีชายแปลกหน้าบุกเข้าบ้านลักพาตัวลูกชายของเธอไป กิ่งไปแจ้งความจึงรู้ว่าชายคนนั้นชื่อ “อิน” เป็นสัปเหร่อที่วัด แต่สัปเหร่อคนนั้นบอกไม่ได้บุกเข้าบ้าน กิ่งจึงต้องหาหลักฐานเพื่อเอาผิดสัปเหร่อแต่จับไม่ได้ และกิ่งยังต้องเจอกับเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นในบ้าน จึงตามหา “พระธุดงค์” ในป่าเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่กลับหลงป่าแล้วบังเอิญไปเห็น “อิน” ทำพิธีกรรมเพื่อเอาศพเด็กมาทำกุมาร อินไล่ล่ากิ่งจนทำให้เธอเสียสติ เมื่อ “นพ” แฟนของกิ่งมาหาที่บ้านพร้อมกับ “แพม” พยาบาลที่ช่วยงานเขาอยู่พบว่ากิ่งเสียสติเหมือนคนบ้า กิ่งหวงแหนกุมารที่ถือแน่นไว้ในมือและเชื่อว่าเป็นลูกของเธอที่หายตัวไป นพกับแพมจึงพยายามจับกิ่งส่งโรงพยาบาลบ้าและเกิดการต่อสู้กันภายในบ้านจนกลายเป็นโศกนาฏกรรม… รีวิว : กุมาร Kumarn การนำเสนอหนังสยองผ่านฝีมือของมาดามฟันนี่ ถือว่าขึงขังและจริงใจกว่าที่คาดคิดเอาไว้ทีเดียวอ่านต่อ

เกม ล่า ฆ่า รอด

เกม ล่า ฆ่า รอด Dark World เป็นหนังเกี่ยวกับ เรื่องราวที่เกิดขึ้น หลังจากเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ยุติลงเรียบร้อยแล้วได้ไม่นานนัก ซึ่งมีผลกระทบตามหลังของสงครามนั้นก็คือ ทำให้ระบบของเศรษฐกิจของโลกใบนี้ ได้ก่อตั้งขึ้นไว้นั้นล่มสลายไปพร้อมกับสงครามที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านั้น ทำให้ผู้คนเกือบทั่วทั้งโลกต่างใช้ชีวิตอยู่อย่างไร้กฎระเบียบ และไร้ซึ่งกฎหมายอยู่กันอย่างป่าเถื่อนโดยที่คนมีทรัพย์สินเงินทอง นั้นจะถูกมองว่าเป็นผู้มีอำนาจเป็นดั่งพระเจ้าของโลกใบนี้ และคนที่หลงเหลืออยู่รอดจากสงครามจะต้องทนอยู่แบบอดยาก อยากไร้ต่อไป เรื่องย่อ : Dark World เกม ล่า ฆ่า รอด ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 3 เกิดขึ้นและจบลงด้วยความล่มสลายของระบบเศรษฐกิจ ผู้คนอยู่อย่างไร้กฎเกณฑ์ คนรวยคือพระเจ้า คนจนเป็นเพียงทาสรับใช้ คนแข็งแกร่งเท่านั้นที่มีชีวิตรอด เฟียร์,ไอรีน และ รัน ในวัยเด็ก ต่างถูกจับให้ลงเล่นในเกมที่จัดขึ้นมาเพื่อสนองความสนุก ความบ้าคลั่งของคนรวย กติกามีเพียงใครแพ้ต้องตาย เฟียร์โดนเพื่อนรักหักหลังจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด 20 ปีผ่านไป โลกที่พวกเธอรู้จักยังโหดร้ายไม่เปลี่ยน 3 สาวต่างมีชีวิตและเส้นทางที่แตกต่างกัน แต่โชคชะตานำพาให้ทั้งหมดโคจรมาพบกันและต้องลงแข่งในเล่นเกมที่เดิมพันด้วยชีวิตอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ!อ่านต่อ